ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ในเวเนซูเอลาประกาศปิดโรงงานที่เหลืออยู่โรงสุดท้าย หลังประสบภาวะขาดวัตถุดิบ ถือเป็นข่าวร้ายล่าสุดของผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจในเวเนซุเอลา
สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในเวเนซุเอลาวิกฤติหนัก จากปัญหาไม่มีไฟฟ้า อาหารไม่เพียงพอ และภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงที่สุดในโลด ตอนนี้วิกฤตลามถึงขั้นไม่มีเบียร์ให้ดื่มแล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 เม.ย.) เซอร์เวเซเรีย โพลาร (Cerveceria Polar) โรงกลั่นเบียร์ที่ใหญ่ของประเทศซึ่งผลิตเบียร์ร้อยละ 80 ของเบียร์เวเนซุเอลา ตัดสินใจปิดโรงงานที่เหลือ 4 โรงสุดท้าย เพราะขาดแคลนข้าวบาร์เลย์
ภาวะขาดแคลนอาหารและวัตถุดิบนี้เป็นผลมาจากปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ หนี้นอกระบบ และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ ทำให้แค่การนำเข้าสินค้าพื้นฐานก็ทำให้รัฐบาลถังแตกได้
ประชาชนต้องเข้าคิวเพื่อรับของใช้ต่างๆ แม้กระทั่งกระดาษทิชชู่ที่ใช้ในห้องน้ำก็ขาดแคลน รัฐบาลก็ดำเนินนโยบายประหยัดพลังงาน โดยใช้มาตรการดับไปวันละ 4 ชั่วโมงในหลายเมือง ลดจำนวนวันทำงานต่อสัปดาห์
นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีของเวเนซุเอลายังเรียกร้องให้ผู้หญิงเลิกใช้ไดร์เป่าผม
“ผมว่า ผู้หญิงดูดีกว่าเวลาที่เธอแค่ใช้นิ้วมือสางผม แล้วปล่อยให้มันแห้งเองตามธรรมชาติ” มาดูโรกล่าวออกทีวีเมื่อเดือนเมษายนนี้เอง
ร้านค้า อุตสาหกรรม และธุรกิจโรงแรม ถูกเรียกร้องให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทางการยังตัดสินใจปรับเวลาไปข้างหน้า 30 นาทีเพื่อลดพลังงานด้วย
สภาพการณ์ที่ทุกคนต้องช่วยกันประหยัดพลังงานถึงขั้นนี้ ดูขัดแย้งกับลักษณะพื้นฐานของประเทศที่อุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประธานาธิบดีมาดูโร ปัดความผิดของสภาวะขาดแคลนพลังงานนี้ไปที่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้น้ำแล้ง และน้ำในเขื่อนกูรีซึ่งเป็นแห่งผลิตพลังงานร้อยละ 70 ของประเทศขาดแคลนน้ำ แต่นักวิเคราะห์มองต่างออกไปว่า เป็นเพราะรัฐบาลไม่ลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน อีกทั้งรัฐบาลสังคมนิยมที่ช่วยอุดหนุนราคาพลังงานก็ลดแรงจูงใจให้ผู้บริโภคช่วยกันประหยัด
วิกฤตครั้งนี้น่ากังวลว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง เมื่อวานนี้เอง (29 เม.ย.) ที่ฝ่ายหนุนรัฐบาลไปปะทะกับกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มาประท้วงคัดค้านนโยบานตัดไฟ และยังเรียกร้องให้ทำประชามติขับไล่ประธานาธิบดีมาดูโรด้วย
ที่มา: DW
ภาพจาก: Empresas Polar