ที่มาภาพ: TheDigitel Myrtle Beach
ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง สำรวจร้านค้า พบราคาอาหารและเครื่องดื่มแพงกว่าปกติ 40 – 200% เสนอปรับราคาใหม่ อย่าแพงกว่าห้างหรู 20%
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะ ร่วมกับนายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และ น.ส.ทรงศิริ จุมพล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก ประชุมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับราคาอาหาร และเครื่องดื่มที่มีราคาแพงเกินราคาจริงภายในพื้นที่สนามบินดอนเมือง
ตามสัญญาการประมูลเพื่อจำหน่ายอาหารในสนามบินควบคุมราคาขายให้แพงกว่าราคาปกติไม่เกินร้อยละ 20 แต่ปรากฏว่าราคาอาหารกลับแพงมากกว่านั้น เช่น ราคาอาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 80 บาท แซนด์วิชราคา 180 บาท หรือเทียบกันแล้ว เบอร์เกอร์คิงในห้างสรรพสินค้าราคา 209 บาท ราคาขายในปั๊มน้ำมันราคา 199 บาท แต่ในสนามบินราคาสูงถึง 285 บาท หรือเช่นน้ำอัดลมกระป๋องที่ขายราคากระป๋องละ 50 บาท
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีข้อเรียกร้องให้การท่าฯ ควบคุมราคา ให้อาหารราคาจานละ 50 บาทและขายน้ำดื่มซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในราคา 10 บาท ข้อเรียกร้องนี้ทำให้ร้านค้างดขายน้ำดื่ม และหันมาขายน้ำแร่ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก
อย่างไรก็ดี ทางการท่าฯ อ้างว่า หากเข้าไปสั่งให้ลดราคา อาจกระทบสัญญาการประมูล แต่ผู้ตรวจการฯ มีความเห็นว่า เนื่องจากการท่าฯ มีรายได้หลักมาจากกิจการการบิน ธุรกิจการจำหน่ายอาหารไม่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน จึงเห็นสมควรปรับราคาให้เท่ากับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และมอบให้การท่าฯ ร่วมกับกรมการค้าภายใน สำรวจราคาอาหารและเครื่องดื่มจากห้างสรรพสินค้า แล้วทำให้มีมาตรฐานกลาง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แล้วให้ตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มในสนามบินดอนเมืองราคาแพงไม่เกินร้อยละ 20 จากราคาในห้ามสรรพสินค้า
นอกจากนี้ การท่าฯ อ้างว่า ต้องดำเนินการตามตัวชี้วัดเพื่อสร้างผลกำไรเพื่อนำเสนอต่อกระทรวงการคลังนั้น ผู้ตรวจการระบุจะรับเรื่องไว้สอบข้อเท็จจริง และจะขอดูรายละเอียดสัญญาทั้งหมด ซึ่งต้องให้เกิดความสมดุลระหว่างผลกำไรกับความเดือดร้อนของประชาชน
ผู้ตรวจการฯ ระบุด้วยว่า หลังจากนี้ก็จะเข้าไปตรวจสอบราคาอาหารและเครื่องดื่มที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยเช่นกัน
ที่มา: ผู้จัดการ, สำนักข่าวเนชั่น