สหรัฐเริ่มกลัว หมดทางสู้ “Superbug” หรือ แบคทีเรียกลายพันธุ์

ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเตือนมาระยะหนึ่งแล้วว่า การใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยา และจะทำให้เข้าสู่สภาพการณ์ที่ควบคุมอะไรไม่ได้เลย

เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ เผยว่า ค้นพบผู้ป่วยกรณีแรกที่ติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาที่ต้านทานต่อยาปฏิชีวนะทั้งปวง การค้นพบนี้สร้างความหวาดกลัวว่า ซุปเปอร์บัก (Superbug) หรือแบคทีเรียดื้อยารุนแรง จะแพร่กระจายออกไป

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา หญิงวัย 49 ปีในรัฐเพนซิลเวเนียติดเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์อีไคไล (E.coli) ในระบบปัสสาวะ หมอลองให้ยาฆ่าเชื้อโคลิสติน (Colistin) ซึ่งเป็นยาแรงและเรียกได้ว่าเป็นความหวังสุดท้ายของการรักษาเชื้อดื้อยาแบคทีเรีย แต่ยาไม่ตอบสนอง

เชื้ออีโคไลที่ดื้อยาโคลิสตินพบมาแล้วในหลายประเทศ โดยมักพบเชื้อนี้ในลำไส้ของหมู แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกรณีในสหรัฐอเมริกา

ตัวยาโคลิสตินนี้เริ่มใช้กันในวงกว้างมาตั้งแต่ปี 1959 เพื่อรักษาเชื้อ อีโคไล (E. coli), ซาลโมเนลลา (salmonella), and อะซีนีโตแบคเตอร์ (acinetobacter) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปอดบวม ติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมายานี้ถูกยกเลิกใช้ในร่างกายมนุษย์แล้วตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เพราะมันทำลายตับรุนแรง แต่มันยังคงถูกใช้ในการเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน

อย่างไรก็ดี ล่าสุด ยาโคลิสตินถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในโรงพยาบาลในฐานะที่พึ่งสุดท้าย เมื่อเชื้อแบคทีเรียกลายพันธุ์จนดื้อยาที่มีอยู่ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อทุติยภูมิ (Secondary Infection)

โทมัส ฟรีเดน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือ CDC กล่าวว่า โลกตกอยู่ในความเสี่ยงที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค “หลังยาฆ่าเชื้อ” หรือ “post-antibiotic” เป็นยุคสมัยที่ยาฆ่าเชื้อทำอะไรไม่ได้ สอดคล้องกับที่ แซลลี่ เดวีส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของอังกฤษก็กล่าวว่า ยุคทองของยาฆ่าเชื้อ ที่ทั่วโลกได้ประโยชน์จากมันมาตลอด 50 ปีที่ผ่านมาได้ยุติลงแล้ว

ขณะที่ยุโรปกังวลเรื่องซุปเปอร์บักมาระยะหนึ่งแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ เพิ่งแสดงความจริงจังต่อปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ซึ่งจากรายงานของสถาบันและคณะคณิตศาสตร์ประกันภัยชี้แนวโน้มว่า ความอันตรายนี้จะทำให้คนในยุโรปและสหรัฐเสียชีวิตปีละ 50,000 ราย และหากยังหาแนวทางแก้ปัญหาใหม่ๆ ไม่ได้ ในปี 2050 จะมีคนกว่า 10 ล้านคนที่ต้องเสียชีวิตจากแบคทีเรียดื้อยา และมันจะกลายเป็นภัยร้ายแรงยิ่งกว่ามะเร็งเสียอีก

 

ที่มา: DWGIZMODOInstitue and Faculty of Actuaries
ที่มาภาพ: Institue and Faculty of Actuaries