แฟ้มภาพ จากกลุ่มหมวกขาว (White Helmets)
สภาความมั่นคงของยูเอ็นชี้ว่า ข้อตกลงเพื่อหยุดยิงในซีเรียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ไม่เป็นผล ยิ่งกว่านั้นคือ ความรุนแรงกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 เม.ย.) มีการโจมตีที่โรงพยาบาลและอาคารบ้านเรือนประชาชนในแถบตะวันออกของเมืองอะเล็ปโป ทำให้มีประชาชนอย่างน้อย 20 รายเสียชีวิต
กลุ่มหมวกขาว หรือ White Helmets ซึ่งเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยพลเรือนกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ผู้เสียชีวิตประกอบด้วยเด็กๆ รวมถึงหมอเด็กคนสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ที่กลุ่มก่อความรุนแรงเข้ายึดครองอยู่ นอกจากนี้ ทางแถบตะวันตกของเมืองอเลปโป ก็ถูกโจมตีจนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ราย
สแตฟฟาน เดอ มิสทูรา ผู้แทนสหประชาชาติด้านซีเรีย เรียกร้องให้บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ร่วมมือกันเพื่อสร้างกระบวนการสันติภาพในซีเรีย
เขากล่าวว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วมีชาวซีเรียตาย 1 คนในทุกๆ 25 นาที และบาดเจ็บทุกๆ 13 นาที
ความพยายามยุติความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจใหญ่อย่างอเมริกาและซีเรียตามข้อตกลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หรือที่เรียกว่า “cessation of hostilities” ดูจะพังทลายได้ทุกเมื่อ ซึ่งผู้แทนสหประชาชาติย้ำว่า สองยักษ์ใหญ่ต้องยอมจับมือลดความเป็นศัตรูต่อกันให้ได้
แต่ข้อตกลงดังกล่าว ไม่ได้รวมกลุ่มหัวรุนแรงอย่างไอเอส และกลุ่มอัลเคดา ซึ่งทำให้กองทัพของซีเรียภายใต้การสนับสนุนของรัสเซียยังคงปฏิบัติการต่อสู้กับกลุ่มดังกล่าวโดยอ้างว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้ละเมิดข้อตกลงสันติภาพแต่อย่างใด
นอกจากนี้ สัปดาห์นี้เองที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ส่งกำลังทหาร 250 นายไปประจำการที่ซีเรียเพิ่มเพื่อสู้กับไอเอสที่เข้ายุดครองเมืองรักกา
นับแต่ความขัดแย้งในซีเรียปะทุขึ้นเมื่อปี 2554 ประชาชนชาวซีเรียถูกคร่าชีิวิตไปแล้วกว่า 270,000 ราย และคนนับล้านต้องลี้ภัยออกจากประเทศ