“ดูเตอร์เต” นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์

บุคลิกโผงผาง วาจาดุดัน เล่นมุขทางเพศแบบไร้รสนิยม และคำสัญญาที่จะล้างบางพวกก่ออาชญากรรมให้หมดภายใน 6 เดือน เหล่านี้กลายเป็นคุณสมบัติที่พาให้ โรดดิโก ดูเตอร์เต ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากชาวฟิลิปปินส์ และกำลังจะนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนล่าสุด

เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พ.ค. ชาวฟิลิปปินส์ 54 ล้านคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และสมาชิกสภาท้องถิ่น

จากการนับคะแนนไปราวร้อยละ 87 ผลปรากฏว่า โรดดิโก ดูเตอร์เต โกยคะแนนไปแล้วถึง 14.4 ล้านเสียง
คู่แข่งของเขาที่ได้คะแนนตามมาคือ มาร์ โรฮาส อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยที่ได้คะแนนทิ้งห่างที่ 8.6 ล้านเสียง ส่วนเกรซ โป ผู้สมัครหญิงที่ช่วงแรกได้รับความนิยมจนเป็นตัวเต็งเด่น ได้คะแนนตามมาอันดับสาม ที่ 8.1 ล้านเสียง

โรดดิโก ดูเตอร์เต อดีตอัยการ และนายกเทศมนตรีจากเมืองดาเวาวัย 71 ปี ถูกขนานนามว่าเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งเอเชีย ความนิยมในตัวเขาพุ่งขึ้นสูงจากการประกาศนโยบายแข็งกร้าวว่าจะขจัดความยากจน ยุติการคอร์รัปชั่นและอาชญากรรม เขาก็ดูจะมี “ชื่อเสียง” จากประวัติปราบอาชญากรรมด้วยวิธีวิสามัญฆาตกรรมในเมืองดาเวามานาน 22 ปี

กระทั่งคำปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง เขายังคงตั้งใจใช้ภาษาโผงผาง

“All of you who are into drugs, you sons of bitches, I will really kill you,”
“I have no patience, I have no middle ground, either you kill me or I will kill you idiots.”

 

 

“พวกที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ผมจะฆ่าให้ตาย”
“ผมไม่อดทน ผมไม่มีทางสายกลาง ถ้าคุณไม่ฆ่าผม ผมก็จะฆ่าคุณ ไอ้โง่”

เขายังพูดถึงคดีที่มิชชันนารีชาวออสเตรเลียถูกนักโทษรุมข่มขืนแล้วฆ่าเมื่อปี 1989 ด้วยท่าทีติดตลกและไม่แยแสว่า เขาอยากจะเป็นคนแรกที่ได้ข่มขืนเธอ และเมื่อมีชาวออสเตรเลียและทูตสหรัฐฯ วิจารณ์ทัศนคติเรื่องนี้ของเขา เขาก็โต้ตอบด้วยการบอกให้คนพวกนี้หุบปาก

ความยากจน การขาดแคลนบริการสาธารณะ ปัญหาคอร์รัปชั่น และความไม่สงบในพื้นที่ด้อยพัฒนา มีผลทำให้ชาวฟิลิปปินส์ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในประเทศแบบก้าวกระโดด ซึ่งนโยบาย ท่าที และประวัติของดูเตอร์เต ก็ดูจะชนะใจมวลชนส่วนใหญ่ของประเทศได้

สำหรับการเลือกตั้งอีกสนามหนึ่ง คือการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ที่ขณะนี้ยังเป็นการชิงชัยแบบสูสีระหว่าง วุฒิสมาชิกเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายของอดีตปธน.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำเผด็จการที่ครองประเทศยาวนานตั้งแต่ปี 1972 – 1986 กับคู่แข่งคนสำคัญคือ นางเลนี โรเบรโด จากพรรคเสรีนิยม ที่คะแนนห่างกันเพียงแค่หลักพัน

ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เบนิกโก อาคิโน ที่ 3 ซึ่งกำลังจะหมดวาระลง เขาเป็นลูกชายของพ่อแม่ที่ต่อสู้กับเผด็จการเฟอร์ดินาน มาร์กอส การเลือกตั้งครั้งนี้ดูจะทำให้เขากังวลหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งคือเขาเห็นว่า ดูเตอร์เตจะนำพายุคเผด็จการกลับมาสู่ฟิลิปปินส์อีกครั้ง อีกเรื่องคือเขาก็ยังต่อต้านมาร์กอส จูเนียร์ ผู้ไม่เคยยอมขอโทษแทนพ่อของเขาที่ทำเศรษฐกิจล่มและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ชัยชนะของดูเตอร์เตจะทำให้ค่าเงินเปโซอ่อนลงและสร้างภาวะไร้เสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดหุ้นแสดงความผันผวนแล้วเมื่อวันศุกร์ วันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง ที่ปรากฏว่า ตลาดหุ้นต่ำลง 10 เท่าในรอบ 11 วัน

การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าแสนนายกระจายกำลังรักษาความปลอดภัยคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศ มีรายงานความรุนแรงเกิดขึ้นหลายจุด ประชาชนอย่างน้อย 10 คนถูกมือปืนยิงบริเวณคูหาเลือกตั้งจนเสียชีวิต ตำรวจยังระบุด้วยว่า มีจักรยานยนต์คอยซุ่มตามจุดต่างๆ และขโมยเครื่องเลือกตั้งไป

…….
ที่มา: AP,  Straits Times

ภาพจาก https://www.facebook.com/rodyduterte/photos_stream